วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สัปดาห์ที่ 3



การเรียนการสอน


เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
   - เด็กมีอวัยวะไม่สมส่วน
   - อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
   - มีปัญหาทางระบบประสาท
   - มีความลำบากในการเคลื่อนไหว 
จำแนกเป็น
  1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
     - ซีพี (Cerebral plsy) เป็นอัมพาตเนื่องจากประสาทสัมผัสสมองพิการหรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอดหรือหลังคลอด
    - การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพีมีความบกพร่องที่เกิดจากสมองส่วนต่างๆ อาการแตกต่างกัน
    - อัมพาตเกร็งของแขนขา หรือครึ่งซีก 
    - อัมพาตของลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ
    - อัมพาตสูญเสียการทรงตัว
    - ตัวแข็ง
    - แบบผสม
  กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Musculur Distrophy)
    - เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ เสื่อมสลายตัว
    - เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
    - มีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
  โรคระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Crthopedic)
    - ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Clud Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อน เนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนร่างไม่ติด
    - ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ เช่น กระดูกหลังโกง กระดูกผุเป็นแผลเรื้อรัง
  โปลิโอ (Polioayelltis) มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญาเกิดจากเชื้อไวรัสที่เข้าทางปากโดยการกินข้าว กินน้ำที่ไม่สะอาด เชื้อไวรัสจะไปเจริญเติบโตที่ลำไส้ เมื่อเชื้อเจริญเติบโตก้จะส่งผลไปสู่ระบบเลือดและระบบประสาท
     - ยืนไม่ได้อาจปรับสภาพให้ยืนได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
   แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency)
   โรคกระดูกอ่อน (Osteogenesis lmperfeta)
  2.ความบกพร่องทางสุขภาพ
    - โรคลมชัก (Epilepsy)
    - เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องจากความผิดปกติของระบบสมอง
    2.1 ลมบ้าหมู (Grand Mall) เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
    2.2 การชักในช่วงเวลาสั้นๆ (Petit Mall) 
      - เป็นอาการชักในช่วงเวลาสั้นๆ 5-10 นาที
      - เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
      - เด็กจะนั่งเฉยหรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
    2.3 การชักแบบรุนแรง (Grand Mall) เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึกล้มลง กล้ามเนื้อเกร็งเกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหายและนอนหลับไปชั่วครู่
    2.4 อาการชักแบบ Partial complex
      - เกิดอาการเป็นระยะๆ
      - กัดริมฝีปากไม่รู้สึกตัว ถูตามแขนขา เดินไปมา
      - บางคนอาจเกิดความโกรธหรือโมโหหลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้และต้องการนอนพัก
    2.5 อาการไม่รู้สึกตัว (Focal partial) เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึตัวอาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
      - โรคระบบทางเดินหายใจ
      - โรคเบาหวาน
      - โรคข้ออักเสบแบบบรูมาตอยด์
      - โรคศีรษะโต
      - โรคมะเร็ง
      -โรคหัวใจ
      -โรคเลือดไหลไม่หยุด
ลักษณะเด็กบกพร่องทางร่างและสุขภาพ
   - ปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
   - ท่าเดินคล้ายกรรไกร
   - เดินขากระเผลกหรืออืดอาดเชื่องช้า
   - ไอแห้งบ่อยๆ
   - มักบ่นเจ็บหน้าอกปวดหลัง
   - หน้าแดงง่ายมีสีเขียวจางบนแก้มริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
   - หกล้มบ่อยๆ
   - หิวและกระหายน้ำเกินกว่าเหตุ
เด็กที่บกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language)
   เด็กพูดไม่ชัดออกเสียงผิดเพี้ยนอวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้นการใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นดังตั้งใจมีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูดมี 4 ประเภท
   1. ความผิดปกติด้านการออกเสียง
    - ออกเสียงผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
    - เพิ่มหน่วยเสียงเข้าในคำโดยไม่จำเป็น
    - เอาเสียงหนึ่งมาแทนอีกเสียงหนึ่ง เช่น กวาด เป็น ฝาด
   2. ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
   3. ความผิดปกติด้านเสียง
    - ระดับเสียง
    - ความดัง
    - คุณภาพเสียง
   4. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมองโดยทั่วไปเรียกว่า Dys aphasia หรือ
    4.1 Motor aphasia
    - เด็กที่เข้าใจคำถามหรือคำสั่งแต่พูดไม่ได้ออกเสียงลำบาก
    - พูดช้าๆ พอพูดตามได้บ้างเล็กน้อยบอกชื่อสิ่งของพอได้
    - พูดไม่ถูกไวยากรณ์
    4.2 Wernicke's aphasia
    - เด็กไม่เข้าใจคำถามหรือคำสั่งได้ยินแต่ไม่เข้าใจความหมาย
    - ออกเสียงไม่ติดขัดแต่มักใช้คำผิดๆ หรือใช้คำอื่นซึ่งไม่มีความหมายมาแทน
    4.3 Conduction aphasia
    เด็กออกเสียงไม่ติดขัดเข้าใจคำถามดี แต่พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้มักเกิดร่วมไปกับอัมพาตของร่างกายซีกขวา
    4.4 Nominal aphasia
    เด็กที่ออกเสียงได้เข้าใจคำถามดี พูดตามได้แต่บอกชื่อวัตถุไม่ได้พราะลืมชื่อบางทีก็ไม่เข้าใจความหมาย
    4.5 Global aphasia
     - เด็กที่ไม่เข้าใจภาษาพูดและภาษาเขียน
     - พูดไม่ได้เลย
    4.6 Sensory agraphasia
     เด็กเขียนเองไม่ได้ เขียนตอบคำถามหรือเขียนชื่อวัตถุก็ไม่ได้มักเกิดร่วมกับ (Gerstmann's Syndrome)
    4.7 Motor agraphasia
     - เด็กที่ลอกตัวเขียนหรือตัวพิมพืไม่ได้
     - เขียนตามคำบอกไม่ได้
    4.8 Cortical alexia
     เด็กที่อ่านไม่ออกเพราะไม่เข้าใจภาษา
    4.9 Motor alexia
     เด็กที่เห็นตัวเขียนหรือตัวพิมพ์เข้าใจความหมายแต่อ่านออกเสียงไม่ได้
    4.10 Gerstmann's Syndrome
     - ไม่รู้ชื่อนิ้ว(finger agnosia)
     - ไม่รู้ซ้ายขวา (allc chiria)
     - คำนวณไม่ได้ (acalculia)
     - เขียนไม่ได้ (agraphia)
     - อ่านไม่ออก (alexia)
    4.11 Visual agnosia
    เด็กที่มองเห็นวัตถุแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรบางทีบอกชื่อนิ้วตัวเองไม่ได้
    4.12 Auditory agnosia
    เด็กที่ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยินแต่แปลความหมายของ
คำหรือประโยคที่ได้ยินไม่เข้าใจ
ลักษณะเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
   - ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบาๆ และอ่อนแรง
   - ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
   - ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
   - หลัง 8 ขวบ ภาษาพูดของเด็กก็ยังเข้าใจยาก
   - ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
   - หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
   - มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
   - ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น